จิตเป็นนามธรรม มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ไม่มีรูปร่าง แต่เป็นสิ่่งที่เกิดขึ้น- ดับลง ซึ่งมีอยู่จริงตามธรรมชาติ ความเป็นนามธรรมของจิตทำให้จิตมีลักษณะเป็นธาติรับรู้ในเรื่องนามธรรมเช่น ความเจ็บปวด
เวทนา ความโลภ ความโกรธ ความหลง การเห็น การได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส มีความทรงจำ จึงทำให้จิตมีคุณสมบัติเหนือกว่าโฟตอนของแสง จิตสามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสงเป็นล้านๆเท่า ความเร็วของจิตสามารถผ่านทะลุจักรวาลหนึ่งไปยังอีกจักรวาลหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่แสงต้องใช้เวลาเดินทางระหว่างจักรวาลนับล้านๆปีทีเดียว สิ่งที่สัมพันธ์กับความไวของจิตก็คือการเกิด-ดับของจิตหนึ่งครั้ง เกิดขึ้นภายในเวลาที่สั้นมาก ประมาณเศษหนึ่งส่วนล้านล้านวินาที
เมื่อจิตดวงเก่าดับไป จิตดวงใหม่ที่ขึ้นมาแทน จะรับการสืบทอดคุณสมบัติของจิตดวงเดิมไว้ด้วย จิตของมนุษย์มีการเกิด-ดับที่เร็วมากจนประสาทสัมผัสรับรู้ไม่ทัน เลยดูว่าเป็นจิตดวงเดิม เปรียบได้กับไฟจากเทียนไข แสงไฟที่เราเห็นส่องสว่างอยู่ จริงๆแล้วมีการเกิด- ดับอยู่ตลอดเวลา แต่เกิด-ดับด้วยอัตราที่เร็วมากจนดูต่อเนื่อง เหมือนไฟนั้นยังคงสภาพเดิมอยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะดับด้วยเหตุปัจจัยคือ ไส้เทียนหมด ไม่มีออกซิเจน หรือประการสุดท้ายถูกทำลายความร้อนลง แต่ถ้าเหตุและปัจจัย๓ อย่างนี้ยังคงอยู่ดวงไฟย่อมจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับจิต ที่เกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา ถ้าเปรียบไส้เทียนคือ "กรรมเก่า"ออกซิเจนคือ "อวิชชา"ความร้อนคือ"ตัณหา"เมื่อเหตุปัจจัย๓ อย่างนี้ยังคงอยู่จิตดวงใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาอีกวนเวียนอยู่อย่างนี้ จนกว่าเราจะสร้างปัญญาทำลายอวิชชาลงได้ เปรียบเสมือนทำลายออกซิเจนที่เป็นตัวการช่วยให้ไฟติด เมื่อไม่มีออกซิเจน ความร้อนที่เกิดจากตัณหาก็จะไม่เกิดขึ้น ผลกรรมก็จะหมดลง เข้าสู่มรรคผลนิพพานอย่างสมบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น