วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

กำเนิดหลวงปู่คำ




                                           หลวงปู่คำ

...พุทธศักราช ๒๔๓๖ ปีมะเส็ง ตรงกับ ร.ศ. ๑๑๒ [ จ.ศ. ๑๒๕๕ ] เป็นปีที่ ๒๖ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธเจ้าหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ณ.
บ้านตำบลหนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครอบครัวของนายอิ่มและนางแจ้งสุขศรี
 ได้ให้กำเนิดเด็กชายคนหนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณวรรณะต่างๆล้วน
ประกอบด้วย บุคลิคลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ บิดามารดาจึงนำเด็กชายผู้นั้นไปยก
ให้เป็นบุตรบุญธรรมของหลวงปู่นาค วัดหัวหิน ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ
เป็นเลิศด้าน วิปัสสนากรรมฐานและทรงคุณวิเศษอย่างสูงทางไสยเวทย์วิทยา เป็นที่
เคารพนับถือของชาวหัวหินและพุทธศาสนิกชนทั่วไป...


...หลวงปู่นาค วัดหัวหินได้ตั้งชื่อเด็กชายคนนั้นว่า " ทองคำ " เพื่อให้สอดคล้องกับนาม
ของท่านคือ " นาค " แต่ผู้คนทั่วไปกลับพอใจที่จะเรียกเด็กชายทองคำว่า " คำ "เด็กชายทองคำได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมที่วัดหัวหินเช่น
เดียวกับการศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรธิดาทั้งหลายในยุคสมัยนั้น ทั้งนี้เพราะ วัดเป็นแหล่งศึกษาวิชาการของคนไทยมาแต่โบราณ วัดทางพระพุทธศาสนามีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่เกิดจนตาย เด็กชายคำ สุขศรี หัดอ่าน หัดเขียนหนังสือไทย หนังสือขอม จนแตกฉาน โดยมีพระภิกษุสงฆ์สำนักวัดหัวหินเป็นครู ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ตามสมัยนิยม เด็กชายคำ สุขศรี ในวัยเด็กเป้นผู้มีสติปัญญาและไหวพริบ...
ปฏิภาณเป็นเลิศ จึงเรียนรู้สรรพวิชาต่างๆได้อย่างรวดเร็วและมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ... 


...กระทั่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างล่ำสันใหญ่โตเหมือนคนโบราณทั่วไป
พ.ศ. ๒๔๕๙ อายุได้ ๒๓ ปี จึงก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยการอุปสมบท ณ.พระอุโบสถ
วัดหัวหิน เวลาประมาณบ่ายโมงตรง โดยมีพระครูวิริยาธิการี [ หลวงปู่นาค ] วัดหัวหินเป็น
พระอุปัชฌาย์  พระครูธรรมโสภิต [ หลวงพ่อเปี่ยม ] วัดเกาะหลัก ซึ่งต่อมาได้รับพระราช
ทานสมณศักดิ์ที่พระสุเมธีวรคุณ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นพระกรรม
วาจาจารย์ พระอาจารย์ละม้าย อมรธัมโม วัดหัวหินเป็นพระอนุสาวนาจารย์...


...หลวงปู่คำ สุวัณณโชโต ได้เล่าประวัติของท่านให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้รับฟัง
ด้วยความทรงจำที่แม่นยำล้ำลึกพิสดาร ลำดับเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่กาย
สังขารของท่านมีอายุครบ ๑๐๐ ปีเต็ม โดยท่านได้เล่าว่า หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว
 ได้อยู่จำพรรษาณ.สำนักวัดหัวหิน ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่นาค ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อย่าง
ใกล้ชิด ในฐานะที่ท่านเป็นสัทธิวิหาริกอันเตวาสิกของหลวงปู่นาค ดังนั้นท่านจึงได้รับ
การถ่ายทอดวิชาความรู้ตามสมัยนิยม คือศึกษาด้าไสยเวทวิทยา ควบคู่กับการฝึก
สมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้นหลวงปู่คำ สุวัณณโชโต ได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่าง
เคร่งครัด พร้อมทั้งศึกษาพระธรรมวินัยต่างๆด้วยตัวของท่านเอง ไม่มีการสอบนักธรรม
ตรี โท เอก เหมือนในปัจจุบัน...


               หลวงปู่คำ เป็นผู้ทรงคุณด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์


...เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. ขณะที่หลวงปู่กำลังเจริญวิปัสสนา
กรรมฐานอันเป็นวัตรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอของท่าน หลวงตาจ่ายพระลูกวัดหนองจอก
ได้ต้มน้ำร้อนเพื่อไปถวายท่าน เมื่อหลวงปู่คำเจริญภาวนาเสร็จแล้วก็ลุกเดินมาหา
หลวงตาจ่าย พร้อมทั้งชวนให้หลวงตาเดินไปที่ศาลาหลังใหญ่ ท่านได้ชี้ให้หลวงตา
จ่ายมองไปที่หอระฆัง ขณะนั้นมีคนร้ายจำนวน ๓ คน กำลังขโมยถอดระฆังลงมาใส่
ท้ายรถปิคอัพ หลวงตาจ่ายตกใจ...จะตะโกนเรียกพระและศิษย์วัดช่วยกันจับขโมย 
หลวงปู่คำได้ห้ามไว้แล้วท่านก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า "ไม่ต้องจับหลอกช่างมันเถอะ เดี๋ยว
ระฆังมันก็กลับมาเอง " หลวงตาจ่ายได้ยินก็แปลกใจยังย้อนถามหลวงปู่ว่า มันเอา
ไปแล้วจะกลับมาได้อย่างไร หลวงปู่ท่านก็ว่า เถอะน่า ช่างมัน...วายร้ายทั้ง ๓ คนขับ
รถหนีไปทางหัวหินมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี ก่อนถึงเพชรบุรีรถได้เกิดอุบัติเหตุยาง
แตกเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง คนร้ายตาย ๑ คน และบาดเจ็บสาหัส ๒ คนเจ้าหน้า
ที่ตำรวจสอบสวนแล้ว จึงได้นำเอาระฆังมาส่งคืนให้วัดหนองแกตามวาจาสิทธิ์ของ
หลวงปู่คำ เรื่องนี้ชาวหัวหินเล่าขานสืบต่อกันมาถึงทุกวันนี้ และตั้งแต่นั้นมา ไม่เคย
มีขโมยเข้ามาลักของในวัดหนองแกอีกเลย ด้วยกลัววาจาสิทธิ์ของหลวงปู่คำนั่นเอง...


...ประสบการณ์ของคุณสังวร ป้อมเพชร ชาวบ้านเขาตะเกียบเป็นนักธุระกิจจัดสรรที่ดิน
โดนคู่อริดักยิงในระยะเผาขน แต่คลาดแคล้ว เพราะเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่
 คุณสังวร...ป้อมเพชร จึงได้มาอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ต่อชาตากับหลวงปู่คำ 
หลวงปู่คำท่านทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจึงปรารภขึ้นมาว่า " ไอ้ง่อย เรื่องนิดเดียวก็จะฆ่าคน " เท่านั้นเองต่อมาไม่นานศัตรูของนายสังวร ป้อมเพชร ก็มีอันเป็นไปถึงขนาดพิการ
เป็นง่อยและเสียชีวิตในเวลาต่อมาทั้งนี้เนื่องจากผลกรรมที่ได้กระทำไว้นั่นเอง...


...เคยมีคนพูดจาบจ้วงล่วงเกินหลวงปู่ กล่าวหาว่าท่านไม่ยอมพัฒนาวัดเหมือนอย่าง
เจ้าอาวาสวัดอื่นๆทั้งๆที่หลวงปู่ท่านมีเหตุผลคือ ท่านได้สร้างเสนาสนะสงฆ์ไว้พอสม
ควรแล้วและไม่อยากรบกวนญาติโยมสาธุชน ท่านเป็นพระสันโดษมักน้อย ไม่ยินดี
ยินร้ายในลาภสักการะและสมณศักดิ์ทั้งหลาย เมื่อมีคนพูดจาตำหนิติเตียนท่านๆก็
ไม่ได้ถือโทษโกรธแค้นท่านเพียงแต่พูดว่า " ช่างมันเถอะ มันพูดได้อีกไม่กี่วัน ก็จะ
ไม่ได้พูดแล้ว " ผลก็คือเดือนกว่าๆ เท่านั้น ผู้ที่กล่าวหาให้ร้ายท่านก็มีอันเป็นไปถึง
กับเสียชีวิต เรื่องนี้ชาวหัวหินทราบกันดี...


...ทุกวันนี้ไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะไปรบกวน หรือทำให้ท่านเดือดร้อนรำคาญใจ ทั้งที่
ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาธรรมและคุยสนุก แม้แต่พระลูกวัดหนองแก ถ้าหลวงปู่ไม่
เรียกหา ก็ไม่เข้าไปใกล้เหมือนกัน จึงปล่อยให้หลวงปู่อยู่ตามลำพังตามวิสัยของท่าน
โดยมีหลวงพ่อเภาฐานจาโร เจ้าอาวาสวัดเขาใหญ่ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในการปกครองดูแล
ของหลวงปู่คำ มาจำวัดเป็นเพื่อนในตอนกลางคืน และมีหลานสาวของหลวงปู่ชื่อ 
นางเล็กมาปรนนิบัติรับใช้ในเรื่องที่จำเป็น เพราะขณะนี้หลวงปู่คำท่านชราภาพมาก
แล้วเคลื่อนไหวตัวเองไม่ได้เหมือนก่อนแต่ความจำ สายตา และสมาธิวิทยาคมของ
ท่าน ยังมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมทั้งที่ท่านมีอายุยืนยาวถึง ๑๐๐ ปี ...


...ในตอนนี้ ณ.ปัจจุบันนี้ท่านได้ละสังขารไปแล้ว 


...ติดตามอ่านประวัติของหลวงปู่คำได้อีกที่...

http://www.pnt19.com/default.asp?content=contentdetail&id=8094